วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แมวตกตึกทำไมไม่ตาย?



ไม่ได้อยากให้มันตายนะ
ความสงสัยเริ่มมาจากแมวที่ห้องตกลงไปข้างล่าง
ตกจากชั้น7 ซึ่งความสูงขนาดนี้ไม่น่าจะรอด ตายแน่ๆ
แต่มันไม่ตาย!! แค่ปากแตก
วันต่อมา แผลหาย แถมคึกกว่าเดิม (กุละเหนื่อยยย)

ก็เลยสงสัยว่า ทำไมแมวตกจากชั้น7แล้วไม่ตาย แล้วตกได้สูงสุดกี่เมตร

หลังจากสอบถามหลายๆคนแล้วไม่ได้คำตอบ
เลยต้องหันมาพึ่ง "อากู๋"
เลยได้คำตอบมาว่า...

เคยมีรายงานตีพิมพ์เก็บสถิติการตกของแมวจากผู้เลี้ยงไว้
เท่าที่มากสุดคือในช่วงตึก 30 ชั้นเกือบ 90% ที่แมวตกลงจากที่สูงที่ระดับ 100 กว่าเมตรแล้วไม่ตาย
แต่อาจจะมีบาดเจ็บ ส่วนที่บาดเจ็บมากที่สุดคือ ขากรรไกรและฟันที่กระเทาะแตก
ส่วนที่ตายเพราะเกิดอาการช็อคและอกกระแทก

ปัจจัยที่มีผลมี 2 ปัจจัย คือแรงที่มีผลต่อมวลของ
สิ่งที่ตกและความเร่ง(ค่า g)
และอีกปัจจัยหนึ่งคือพื้นที่ที่แรงนั้นแผ่กระจาย คือ F/A

ยิ่งสัตว์ที่ใหญ่ น้ำหนักยิ่งมาก แรงที่กระทำต่อสัตว์คือแรงโน้มถ่วงและพื้นที่ผิวที่มาก เช่นช้างตกลงมาย่อมเป็นอันตรายน้อยกว่าที่มดตกจากที่สูงนั่นเอง



ในกรณีที่แมวตก จะสังเกตุขามันจะกางออกด้วยเป็นเพราะสัญชาตญาณมั้งในขณะถ้าเป็นคนคงจะเอาขาลงหรือหัวดิ่งแน่ๆเลย
ผมพอจำได้ว่าความสูงที่น้อยแมวไม่มีเวลาจัดระเบียบแขนขาตัวเอง ยิ่งความสูงเพิ่มขึ้น
แมวมีเวลาโพสท่าตัวเองคือเหยียดแขนขาออกไปและหมุนตัวเองได้ทัน
พร้อมที่จะลงในท่าเอาขาลงแตะพื้นดินอย่างปลอดภัย


ช่วงที่ตกแมวจะกางแขนกางขาออก เหมือนกับเป็นร่มชูชีพ
ช่วงนั้นทำให้เกิดพื้นที่ผิวที่มากกว่าเดิม ในการสัมผัสกับแรงต้านอากาศที่มีในทิศขึ้น
ช่วงที่เริ่มตกจนถึงช่วงกางแขนขา แมวจะยังคงตกด้วยความเร่งอยู่
แต่เมื่อแรงที่กระทำต่อตัวแมวในทิศขึ้น(แรงต้านอากาศ)
กับแรงที่กระทำต่อตัวแมวในทิศลง(น้ำหนักแมวเนื่องจากแรงโน้มถ่วง)มีค่าเท่ากัน
จะทำให้แมวเคลื่อนที่ไปพร้อมกับกฏข้อที่ 1 ของนิวตัน
คือ เมื่อไม่มีแรงลัพธ์ใดๆมากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะรักษาสภาพการเคลื่อนที่เดิมไว้
ช่วงนี้แหละครับ ที่แมวตกลงด้วยความเร็วคงที่ และเป็นความเร็วสุดท้ายที่มีค่าลดลงกว่าที่เมื่อตกลงมาใหม่ๆ
เมื่อแมวตกถึงพื้น ความเร็วสุดท้ายจึงมีค่าลดลง ทำให้ตกได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง
ประกอบกับส่วนขาของมันลงสู่พื้นก่อน ข้อต่อตะโพกและไหล่ของแมวก็ยืดหยุ่นได้
คล้ายขดลวดสปริง ด้วยเหตุนี้แมวจึงมักรอดจากการตกจากที่สูงมาก ๆได้
แต่ที่บาดเจ็บเสียเป็นส่วนมากถ้าสูงมากๆ เกิดจาก ถึงขาและสะโพกจะยืดหยุ่น
ได้ดี แต่ส่วนของขากรรไกรและใบหน้าไม่เหมือนกับตรงนั้น มันน่าจะมีแรงเฉื่อย
เคลื่อนต่อได้(ไม่ได้หยุดแบบขา) หน้าจึงลงไปกระแทกกับพื้น ถ้าตกจากที่สูงมากๆ

นี่คงเป็นสาเหตุที่มันปากแตกและรอดจากการตกตึกนั่นเอง

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อายุเพิ่มขึ้นอีกปี เหมือนมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น

Happy Birthday to Me !!

ปีนี้ไม่มีแฟน มีแต่เพื่อนๆมาเมากัน เสียดายเพื่อนบางคนที่ไม่ได้มา
นานๆจะได้เลี้ยงแบบนี้ซักครั้ง
แถมมีเซอร์ไพรซ์จากเพื่อนซี้ ขับรถมาจากสุขุมวิท26 ตอนเที่ยงคืน
มา HBD แล้วก็เพราะขาดขาดริ๊งค์ Finlandia ด้วย
บอกตามตรงว่าไม่ชอบให้ใครมา HBD ใน MSN ,Myspace ,Facebook ,Hi5
เพราะว่า "กูจำไม่ได้" รู้สึกมันไม่น่าจดจำ ก็เลยลืม
ถ้าเป็นไปได้โทรมาจะดีกว่า ดูมีความจริงใจมากกว่า แถมรู้สึกดีกว่าด้วย
แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่มาคอมเม้นต์นะ อย่างน้อยก็ยังจำได้
แล้วก็ขอขอบคุณสำหรับคำอวยพรจากทุกๆคนนะ

ชาวบ้านวิจารณ์ว่า...

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Mapping Projection III (Study)

วันพุธที่ผ่านมา ได้ทำ Mapping Projection
เพื่อทำให้เห็นว่าพวกเราทำได้จริงๆนะ
ไม่ใช่แค่หา Reference มา แล้วแค่บอกว่า "กูก็ทำได้"
แบบนี้ใครๆก็พูดได้ ก่อนพูด กรุณาคิดแล้วลงมือทำ
ทำได้แล้วค่อยมาบอกนะครับ ว่า "กูทำได้แล้ววว"
แล้วถ้าทำแล้วทำไม่ได้ กรุณาอย่าอ้างสิ่งเหล่านี้
ไม่มีเงิน ไม่มีทุน ไม่มีเวลา ไม่มีของ ฯลฯ
ถ้าอยากจะอ้าง กรุณาพูดดังๆอีกรอบว่า "กูก็ทำได้"


การทำ Mapping Projection ครั้งนี้ ทำให้รู้ถึงปัญหา
มีความผิดพลาดในการทำไฟล์ การวาง Projector และอื่นๆ
เสียดายไฟล์อีกหลายอันที่ทำมาแล้วใช้ไม่ได้

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Mapping Projection II (Study)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ลองทำ Mapping Projection ทำให้มีความคืบหน้าไป
เยอะมาก ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 14 วัน ตอนทำก็ลองผิดลองถูกกัน
แล้วก็ออกมาอย่างที่เห็น (ดูในคลิป) สรุปว่างานนี้ ทุกคนพอใจกันมาก
ต่อไปเราจะลองใช้ไฟล์วิดีโอที่ถูกจัดการไฟล์มาแล้วกันบ้าง
เพิ่งรู้ว่าเสากลมๆทำโคตรยากเลย แต่พวกเราก็ยังทำกันได้นะ ฮ่า ฮ่า




วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คนขายรถ!!

ถ้าพูดถึง"คนขายรถ" คุณจะนึกถึงอะไร?
- คนที่มายืนข้างๆคุณ แล้วพูดอวดสรรพคุณของรถคันนู้นคันนี้ให้คุณฟัง
เพื่อให้คุณยอมจ่ายเงิน นั่นคือความคิดของผม เพราะนั่นคือหน้าที่ของเค้า
ทำยังไงก็ได้ให้คุณยอมควักเงินก้อนโตออกมา
ถ้าคุณหยิบเงินออกมาเท่ากับว่าเค้าทำงานได้สำเร็จ

สิ่งที่ผมได้เจอในวันนี้คือ"คนขายรถ" และสาเหตุที่ได้เจอคือ ผมสนใจรถคันนึง
รูปร่างประหลาด จอดโชว์อยู่ในห้างสรรพสินค้า ก็เลยเดินเข้าไปดู
(อยากได้ว่ะ เท่าไหร่วะ) ผมเดินดูรอบๆแล้วก็ดูข้างในตัวรถ
(อืมม น่าจะล้านกว่ามั้งงง) ด้วยความชอบรถตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้เรื่องรถเยอะ
ชอบประเมินราคารถรุ่นใหม่ๆ จนรู้สึกว่าตัวเองก็น่าจะทำหน้าที่"คนขายรถ"
ได้เหมือนกันนะ ฮ่า ฮ่า
แล้วสรุปว่าราคาเท่าไหร่ละเนี่ย อ้อ มีป้ายติดอยู่ข้างหน้า ไปยืนอ่านดู

เครื่องยนต์ xxx
ปริมาตรกระบอกสูบ xxxx cc
แรงม้า xxx
....

มันไม่บอกราคา บอกแต่ข้อมูลตัวรถว่ะ
พอผมเงยหน้าขึ้นมา ทำให้เกิดการ connection
ระหว่าง "ผม" กับ "คนขายรถ"
ผมก็เลยขอโบรชัวร์พร้อมกับสอบถามราคา

แหยม : คันนี้เท่าไหร่ครับ
คนขายรถ : รุ่นนี้มีตัวนอกกับตัวใน (นอก ใน ยังไง?) ตัวนอกจะแพงกว่าตัวใน
(แล้วยังไงล่ะ?) แต่คันนี้เป็นตัวนอก มีในstockแค่สีฟ้าสีเดียว ถ้าตัวในก็ต้อง
รอไปก่อน (ตอบไม่ตรงคำถามเลย)
แหยม : แล้วราคาเท่าไหร่ครับ
คนขายรถ : ล้านเก้า ตัวนอก ตัวใน ล้านเจ็ดค่ะ (เออ ก็แค่นี้แหละ)

แล้ว"คนขายรถ" ก็หยิบใบโบรชัวร์แล้วปั๊มชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ แล้วยื่นให้ผม

คนขายรถ : ลองขับได้นะคะ ลองตอนนี้ได้เลย (ในห้างเนี่ยนะ?)
ถ้าชอบรถก็โทรมาตามเบอร์ที่ให้ไป แต่ถ้าชอบคนก็โทรหาคนนี้ (หันไปชี้คนข้างๆ)
แหยม : ฮ่า ฮ่า (อ้าว สรุปว่าขายทั้งรถทั้งคนเลย ดีจริงๆ)

หลังจากนี้ไม่เล่าต่อละ เดี๋ยวนอกเรื่อง ฮ่า ฮ่า

รถรูปทรงประหลาดคันนั้น ทำให้ผมได้อะไรบางอย่าง จากการพูดคุยสั้นๆ
ผมรู้สึกว่าวิธีดึงดูดลูกค้ามีหลายแบบ การใช้คำพูดเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
ทำให้รู้สึกอยากซื้อ วิธีการพูดแบบต่างๆ รวมถึงวิธีแบบนั้นด้วย
ถ้าเราโทรตามเบอร์ที่เค้าให้ก็เท่ากับว่าเค้าทำได้สำเร็จในอีกระดับนึงแล้ว
และตอนนั้นเค้าก็จะมีเวลาได้พูดคุยกับเรามากขึ้นด้วย
อาจจะทำให้เราสนใจรถคันอื่นๆด้วย

คำถาม
ทำไม"คนขายผู้หญิง"ต้องคุยกับผู้ชาย?
ทำไม"คนขายผู้หญิง"ต้องคุยกับผู้หญิง?
ทำไม"คนขายผู้ชาย"ต้องคุยกับคนวัยทำงาน?
ทำไม"คนขายผู้หญิง"ถึงใช้วิธีแบบนั้นเพื่อการขายรถ?
แล้วทุกวิธีได้ผลมากน้อยแค่ไหน?